หนังสือนอกห้องสมุด
?” หนังสือไม่ใช่แค่เพื่อน? แต่มันสร้างเพื่อนให้กับคุณ? เมื่อคุณครอบครองหนังสือด้วยหัวใจและวิญญาณ? คุณจะได้รับสิ่งดีๆจากมัน? แต่เมื่อคุณส่งต่อมันให้กับคนอื่นสิ่งดีๆที่คุณได้รับนั้นมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า “
เฮนรี่? มิลเลอร์
?????? Book Crossing คือชุมชนคนรักการอ่านที่ใหญ่ที่สุดในโลก? พวกเขาแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่านด้วยวิธีการที่แสนง่ายดาย? ทว่าสุดจะแปลกประหลาด
??????????????? มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเราได้อ่านหนังสือดีๆ? เราก็อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้อ่านด้วยซึ่งไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่ายื่นหนังสือเล่มนั้นให้คนอื่นอ่านกันไปเลย? แต่ถ้าเราส่งหนังสือเล่มนั้นไปให้ญาติสนิทมิตรสหายยืมอ่าน? มันก็คงถูกอ่านวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่คนไหนๆก็ไหนก็ยื่นให้คนไม่รู้จักซะเลยเผื่อว่าหนังสือเล่มนั้นจะได้เดินทางไกลไปทั่วโลก
??????????????? เมื่อเราพบหนังสือถูกใจที่อยากส่งมันให้เดินทางไกลไปสู่หลายสายตาก็ต้องเริ่มจากการคลิกเข้าไปที่เว็บไซค์ของ Book? Crossing เพื่อลงทะเบียนหนังสือเล่มนั้นเมื่อได้ URL และเลขทะเบียนของหนังสือมาก็จัดการเขียนมันลงบนหนังสือแล้วก็หากระดาษเปล่าสักแผ่นแปะลงไปบนปกหลังด้านในเอาไว้ให้เจ้าของใหม่ได้เขียนชื่อต่อๆกันไปและก่อนจะปิดหน้าเว็บไซค์อย่าลืมแสดงความเห็นที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นเอาไว้สักหน่อย?
?????????? จากนั้นก็นำหนังสือเล่มนั้นไปหยิบยื่นให้กับใครก็ได้จะเป็นคนรู้จัก? บริจาคให้กับองค์กรการกุศล? ตั้งใจวางทิ้งไว้ในร้านกาแฟหรือจงใจลืมไว้บนม้านั่งในสวนสาธารณะก็ได้ทั้งนั้นเมื่อมีคนมาพบหนังสือเล่มนี้เข้าและได้อ่านข้อความหนังสือ เขาก็จะคลิกเข้ามาลงทะเบียนในเว็บไซค์ทำให้รู้ว่าตอนนี้หนังสือเล่มนี้เดินทางไปอยู่กับใครและที่ไหนแล้ว? เราจึงสามารถตามรอยหนังสือเล่มนี้ไปได้เรื่อยๆไม่ว่ามันจะไปอยู่มุมไหนของโลกก็ตามจนกว่าหนังสือจะสูญหายไปจากวัฎจักรการเวียนว่ายหยิบยืม
??????????????? ตอนนี้สมาชิกของ Book? Crossing มีอยู่ราว 300,000 คนแลกเปลี่ยนหนังสือ 1.5 ล้านเล่มกันอ่านแบบไร้พรมแดนทั่วโลก? สิ่งที่พวกเขาทำมันจริงจังจนถึงขนาดที่ Concise? Oxford English? Dictionary ยอมบัญญัติคำศัพท์ ?Book Crossing’ เข้าไปอยู่ในพจนานุกรมก็แล้วกัน
??????????????? เป้าหมายของ Book Crossing ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าอยากทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นห้องสมุด?
??????????????? เมื่ออ่านข้อความในเว็บwww.bookcrossing.com? จบแล้ว? ปิดเว็บไวค์แล้วส่งลิงก์ไปให้คนที่คุณรู้จักบอกเขาให้ทำเหมือนกันต่อไปเรื่อย ๆ
*********************************************
ที่มา: หนังสือต้นไม้ใต้โลก ” 100ความคิดคันๆของคนอยากเปลี่ยนโลก” โดย ทรงกลด? บางยี่ขัน
Tags: การอ่าน, นโยบาย, พื้นที่สร้างสรรค์, สังคม, หนังสือ
You can leave a response, or trackback from your own site.
26ส.ค.
เทคนิคการเดาอย่างมีหลักการ เพิ่มโอกาสถูก 30-100% ถึงเรียนไม่เก่ง อ่านไม่จำ แต่ก็ทำข้อสอบได้
1. เข้าห้องสอบตรวจสอบเลย เลขที่สอบถูกไหม เขียนชื่อ รายละเอียดต่างๆ ให้ครบ แต่ละปีจะมีผู้ทำข้อสอบแบบไม่ประสงค์ออกนามมากมาย
2. ให้ดูข้อสอบโดยรวมว่าวิชาที่เราทำอยู่มันตรงไหม จำนวนข้อมันเท่ากับที่เขาบอกไหม ถ้ามันถูกต้อง ก็เริ่มทำข้อสอบ
3. เวลาเริ่มทำข้อสอบอย่างแรกเลย ไม่ต้องเร่ง ค่อยๆทำ ควรมีการจัดการเรื่องข้อสอบก็คือทำข้อง่ายถึงข้อยาก ถามว่าข้อไหนข้อง่าย คือเรื่องที่เรารู้ บทไหนรู้เรื่องทำมันเลย ทำข้อง่ายก่อนข้อยาก พอเวลาทำข้อง่ายได้แล้วไม่ต้องรีบทำนะ ทำแบบสบายๆ ไม่ต้องร้อนรน ข้อไหนทำได้มาร์คใว้ อย่าทำไปเดาไป เดี๋ยวเรามาเดารวดเดียวตอน 10 นาทีสุดท้าย เดารวดเดียวไม่เป็นไร เรามีโอกาสถูกมากกว่า 25% แน่นอน
4. เราจะแบ่งเวลา 3 ช่วง 90 นาที ,20 นาที , และ 10 นาทีสุดท้าย 90นาทีแรกทำข้อสอบที่ทำได้ ข้อทำไม่ได้ทำไม่ทันปล่อยมัน พอ 90 นาทีหมดเวลาเลิกทำเลยครับ ข้อไหนทำไม่ทันไม่ได้อ่านโจทย์ไม่เป็นไร
5. 20 นาทีที่เหลือให้ทบทวนข้อที่ทำได้ (ที่เรามาร์คไว้) ข้อที่บอกว่าได้คะแนนแน่ๆ เพราะเป็นเรื่องที่เรารู้เรื่อง ทำไมถึงไม่ให้ไปทำข้อที่ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่รู้เรื่องจะไปเสียเวลากับมันอีกทำไม ทบทวน 20 นาทีทำกับเรื่องที่ทำได้ให้ชัวร์
6. 10 นาทีสุดท้ายเดา ผมมีวิธีเดาให้คุณเดาตั้งแต่ถูกตั้งแต่ 30% – 100% ใน 8 เทคนิคการเดา ใน 3-4 เทคนิคหลังถูก 100% ไม่ต้องไปหาหนังสือที่ไหน เพราะไม่มีใครเขาทำกัน
กฎการเดาข้อที่ 1 โอกาสที่เป็นไปได้ หลักการตัวเลขที่ใช้ตัวจริงตัวปลอม ถ้าเราเจอ ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่มันมีตัวเลขเศษส่วน บอกได้เลยคำตอบนี้มักจะเป็นเลขลงตัว เพราะว่าอาจารย์เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เขาก็เอาคำตอบที่มันลงตัวมาเป็นคำตอบ คณิตศาสตร์ชอบเลขลงตัวอยู่แล้ว ส่วนถ้าเป็นวิทยาศาสตร์ โจทย์ที่ออกมาในรูปแบบเป็นตัวเลขยุ่งๆ ซับซ้อน พวกนี้คำตอบก็จะเป็นเลขลงตัวเหมือนกันครับ
ติดตามกฎการเดาข้อที่เหลือได้ที่ http://tuent.eduzones.com/53/